top of page
  • สุริ มาลา

รีวิว Ender’s Game สงครามพลิกจักรวาล | พลิกตำรารบต่างดาวฉบับเยาวชน


ห่างหายกันไปหลายวันทีเดียวกับการเข้าโรงภาพยนตร์เพื่อดูหนัง หรือการเข้าโรงหนังเพื่อชมภาพยนตร์เนี่ย ด้วยอะไรบางอย่างทำให้เราอยู่บ้านมากกว่าจะออกไปข้างนอก แต่พอผ่านมาถึงสัปดาห์ใหม่ ก็ได้มาเยี่ยมบ้านหลังที่สองอีกจนได้ ก็โรงหนังนั่นยังไง วันนี้ มีคิวมาพบกับ ‘Ender’s Game สงครามพลิกจักรวาล’ หนังที่สร้างจากวรรณกรรมเลื่องชื่อ คราวนี้ไม่ใช่หนังแฟนตาซีรักๆ ใคร่ๆ อีกแล้ว แต่เป็นแนววิทยาศาสตร์ ไซไฟๆ ไม่เหมือนที่แล้วๆ มา ในหนังเรื่องนี้ เราได้พบกับการกลับมาในหนังไซไฟของระดับตำนานกัปตันฮัน โซโล อย่าง Harrison Ford เราได้พบกับหนังไซไฟเรื่องแรกของนักแสดงผิวสีมากฝีมือ อย่าง Viola Davis และนักแสดงที่เล่นมาแล้วทุกบทบาทและคว้า 1 ออสการ์มาแล้วอย่าง Ben Kingsley สามคนนี้รวมอยู่ในหนังเรื่องเดียวกันร่วมประชันบทบาทกับดาราเด็กอย่าง Asa Butterfield (Hugo) , Hailee Steinfeld (True Grit) และ Abigail Breslin (Little Miss Sunshine) หนังอาจจะมีผู้ใหญ่คนสำคัญแต่หนังเน้นไปที่เด็กเยอะอยู่นะครับ เรื่องราวของโลกที่ถูกรุกรานโดยเหล่าสิ่งมีชิวตต่างดาวจนเราเกือบสิ้นสูญเผ่าพันธุ์มาแล้วเมื่อครั้งหนึ่ง จนต้องมีการก่อตั้งกองกำลังเพื่อรับมือกับสงครามที่เสี่ยงว่ากำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในไม่ช้า พวกเขาจึงเลือกเด็กที่มีความสามารถด้านเกมมาฝึกฝนการรบ เด็กๆ ในครอบครัวของเอนเดอร์ (Asa Butterfield) ทุกคนเคยผ่านการฝึกมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งพี่ชายและพี่สาว แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครผ่าน และเขาคือคนสุดท้ายที่เป็นความหวัง หนังเล่นเปิดเผยให้เห็นตั้งแต่ช่วงของการฝึกในขั้นตอนต่างๆ กว่าที่เอนเดอร์จะกลายมาเป็นผู้บัญชาการรบในเผ่าพันธุ์ต่างดาว ซึ่งในระหว่างนั้นก็สอดแทรกบทสนทนาคมๆ ที่แฝงแง่คิดอันชวนให้คิดไว้มากมาย นี่ไม่ใช่แค่หนังสงครามที่จะดูกันเพลินๆ เสียแล้ว

ด้วยความที่ไม่ได้อ่านฉบับหนังสือมาก่อน จึงไม่อาจจะรู้ได้ว่าเรื่องราวต่อไปจะเป็นเช่นใด หนังเลือกจะเก็บงำบางอย่างเอาไว้และเปิดเผยมันออกมาเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ผสมผสานแนวความคิดทางด้านปรัชญาที่พูดถึงด้านดีและร้ายของสงคราม ด้านดีและร้ายของมนุษย์ ได้เห็นความฉลาดของมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกนำมาใช้เพื่อทำลายและปกป้องไปในคราวเดียวกัน ถ้าพูดถึงการแสดงแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก ต่างก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีทั้งสองฝ่าย บทหนังที่ค่อนมีน้ำมีเนื้อให้คนดูรู้สึกจับต้องได้ ขณะเดียวกันก็หนักอึ้งเกินกว่าจะเป็นแค่หนังสำหรับเยาวชนทั่วไป ส่วนงานด้านภาพก็ถือว่าอยู่ในขั้นดี และโดยลักษณะของเทคนิคต่างๆ ดูจะเหมาะสมที่จะทำออกมาในรูปแบบ 3 มิติไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่ผมได้ดูมันในแบบ 2 มิติเท่านั้น หลายคนว่าเดินเรื่องเชื่องช้า แต่ผมว่ามันก็โอเคแล้ว ดูเรื่องนี้ไม่ได้หาวเลยสักแอะ นี่เรื่องจริง นอกจากฉากการต่อสู้ในลักษณะเกมแล้ว หนังยังมีแบ่งพักให้กับความดราม่าเป็นบางช่วง ทำให้หนังมีน้ำหนักหลายๆ ส่วนประกอบเข้าด้วยกัน ไม่ได้มีแต่น้ำหนักของแอ็คชั่นอยู่ฝั่งเดียว Gavin Hood ผกก. ผู้มีเครดิตที่ไม่ดีนักจาก ‘X-Men Origins: Wolverine’ ก็ลงมาเล่นเองด้วย ถือว่ากำกับเรื่องนี้ได้สอบผ่าน ‘สงครามพลิกจักรวาล’ กลายเป็นหนังจากหนังสือที่ดีที่สุดในปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย (หากไม่นับ Catching Fire ที่กำลังจะเข้าโรงจ่อก้นอยู่ตอนนี้)


ติดตามรีวิวภาพยนตร์ ได้ที่ : movieup2you.com


ติมตามเพจได้ที่ : มูฟวี่ Up2You

bottom of page